วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

แฟรนไชส์โมบายสเต็ก

โมบายสเต็ก สเต็กแท้พันธุ์ไทย

ธุรกิจอาหารเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง แต่ก็ยังคงเป็นตลาดที่น่าลงทุนตลอดกาล เพราะชีวิตคนเราปรับเปลี่ยนไปในทางที่ต้องอาศัยความสะดวกสบายมากขึ้น เร่งรีบมากขึ้น ธุรกิจอาหารที่ตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตดังกล่าว
จึงได้รับความนิยมตามมาด้วย ธุรกิจร้านสะเต็กจึงน่าสนใจด้วยเหตุนี้
โมบายสเต็กมีความโดดเด่น ในเรื่องการปรุงน้ำซอสสเต็ก คัดสรรและประยุกต์ การทำน้ำซอสของสเต็ก ที่มีรสชาติดี มาจากสมุนไพรไทยแท้ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เชื่อว่าอาหารนอกจากจะเป็นศาสตร์และศิลป์แขนงหนึ่งแล้ว
อาหารยังเป็นที่หล่อหลอมความรักอีกทั้งยังสร้างความใกล้ชิดให้กับบุคคลในครอบครัว โมบายสเต็ก จึงมุ่งหวังที่จะเป็นศูนย์รวมของครอบครัว ให้รักใคร่กลมเกลียวและมีความสุขจากการรับประทานอาหารแสนอร่อย

จุดเด่นของโมบายสเต็ก
- เป็นสเต็กสูตรพิเศษจากการคิดค้นพัฒนา กว่า 5 ปี จนได้รสชาดอร่อยถูกปากคนไทย
- สเต็กคุณภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
- สินค้าทันสมัย คู่แข่งขันน้อยราย
- น้ำซอสมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยากต่อการเรียนแบบ
- เมนูอาหารหลากหลาย มากกว่า 40 รายการ
- รูปแบบร้านมีความยืดหยุ่นสูง
- คืนทุนเร็ว ประมาณ 3-6 เดือน (ขึ้นกับทำเลที่ตั้ง และปริมาณลูกค้า)
-ค่าแฟรสไชส์ ตลอดอายุสัญญา 10 ปี ชำระครั้งเดียว
- 40,000 บาท
- ไม่เรียกเก็บจากยอดขาย
-ค่าประชาสัมพันธ์ 500 บาท ต่อเดือน
-ค่าอุปกรณ์ครัว
-ประมาณ 20,000 - 150,000 บาท
-ไม่บังคับ จัดซื้อเฉพาะที่จำเป็น หาซื้อได้เองหรือจากบริษัท เช่น เตา กะทะ จานสเต็ก มีด ส่อม เป็นต้น
-เงินทุนหมุนเวียน 10,000 บาท(โดยประมาณ)
-ค่าตกแต่งร้าน ตกแต่งได้เอง ตามสไตล์ที่ท่านชอบ

รายละเอียด
แฟรนไชส์สเต็ก ในรูปแบบคีออส จำหน่ายสเต็กและอาหารจานด่วนสลัดโดยมีรสชาติและมาตรฐานเดียวกันและรสชาติแบบไทยๆ สำหรับจุดเด่นของโมบายสเต็ก คือ
1. สเต็กสูตรพิเศษจากการคิดค้นพัฒนากว่า 5 ปี จนได้รสชาติที่อร่อยถูกปากคนไทย
2. สเต็กคุณภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
3. สินค้าทันสมัย คู่แข่งขันน้อย
4. น้ำซอสมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยากต่อการเลียนแบบ
5. เมนูหลากหลาย มากกว่า 18 อย่าง อาทิเช่น ข้าวปลาซาบะ, ข้าวเนื้อญี่ปุ่น, ข้าวปลาแซลมอน ฯลฯ
6. รูปแบบร้านค้ามีความยืดหยุ่นสูง
7. เปิดดำเนินการแล้ว กว่า 30 สาขา ใน 10 จังหวัด
8. คืนทุนเร็วเพียง 2 - 6 เดือน

โมบายสเต็กเปิดขายแฟรนไชส์ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเหมาะสำหรับ... ผู้ต้องการมีรายได้หลัก (ทำเอง) หรือรายได้เสริม (จ้างลูกจ้าง)เรียนรู้งานง่ายไม่ซับซ้อน
ง่ายแก่การตรวจสอบ ทั้งรายได้ และรายจ่าย เพราะนับจำนวนสินค้าได้

การสนับสนุนของโมบายสเต็ก
1. ช่วยวิเคราะห์การหาทำเล และจัดหาอุปกรณ์ให้ทุกขนิด
2. จัดส่งซอส ของสดจากส่วนกลาง
3. อบรม ถ่ายทอดความรู้ในการปรุงอาหาร
4. ให้ความช่วยเหลือเมื่อเริ่มเปิดกิจการ
5. ให้ความช่วยเหลือในการตกแต่งร้าน
6. ช่วยติดต่อซัพพลายเออร์ที่จำเป็น
7. คิดค้นพัฒนาเมนูใหม่ ๆ ให้เป็นระยะ
8. ช่วยโฆษณา ประชาสัมพันธ์
**อายุสัญญา 10 ปี

แฟรนไชส์น้ำผึ้งผสมมะนาวผึ้งยิ้ม

เซ้งแฟรนไชส์ผึ้งยิ้ม
มีข้อกำหนดว่าลูกค้าจะต้องสั่งสินค้า อย่างจากแฟรนไชส์ ดังต่อไปนี้

- น้ำผึ้งผสมมะนาว+สตอเบอรี่ ชนิดถุงๆละ 2 ลิตร ราคา 110 (10 ถุงแถมฟรี/น้ำผึ้งสำหรับโรยหน้า 600 ml.)
- แก้วผึ้งยิ้ม 16 แระ 22 oz. ราคา 65/75 บาท
- น้ำผึ้งแท้ ราคา 110 บาท
- เกสรผึ้ง ราคา 60 บาท
- สินค้าอื่น ๆ ที่จำเป็น ที่ไม่ได้ระบุในนี้ ลูกค้าสามารถหากซื้อได้เอง อาทิ ฝาโดม หลอด สายเดี่ยว ฯลฯ

ผลอัตรากำไร – ต้นทุน
น้ำผึ้งผสมมะนาวชนิดถุงๆละ 2 ลิตร ราคา 110 ขายได้ประมาณ 12 แก้วๆละ 25 บาท (แก้ว16 oz.)
เท่ากับว่าเราจะได้เงินจากลูกค้าประมาณ 300 บาท/1ถุง (ต้นทุนน้ำ 110 บาท)
แก้วผึ้งยิ้ม ราคา 1.3 บาทต่อหน่วย ใช้ 12 ใบ (ต้นทุนแก้ว 15.6 บาท)
จิปาถะอื่นๆ อาทิ เช่น ฝา หลอด น้ำแข็ง สายเดี่ยว( ตกต้นที่ 11.4 บาท) ต่อ12 แก้ว
รวมต้นทุนต่อถุงๆละ 2 ลิตร = 110 + 15.6 + 11.4 บาท 137 บาท/1ถุงๆละ 2 ลิตร

ตามข้อมูลเบื้องต้น เราสามารถคำนวนอัตรากำไรคร่าวๆจากแก้ว16 oz. ในราคา 25 บาท ได้ดังนี้

ได้เงินต่อ1ถุงๆละ 2 ลติร ทุนต้นรวม กำไร/2ลิตร
300 137 163

**หมายเหตุ : เป็นกำไรเฉลี่ยต่อ 1 ถุงๆละ 2 ลิตร ยังไม่หักค่าเช่าที่และค่าจ้างพนักงาน
สิ่งที่จะได้
1. แท่น แบบถอดพับ 1.2 x 0.8 x 1.9 เมตร ตามรูป ทุกอย่าง (สามารถถอดพับได้ ไปได้ทุกที่ ตามตลาดเนัด เก็บในรถเก๋งได้หมด)
2. ที่กดน้ำ เหมือนรูปทุกอย่าง
3. ถังโฟมใส่น้ำแข็ง กระติกน้ำแข็ง
4. น้ำผึ้งขาย 6 ขวด ผึ้งโรยหน้า 2 ขวด
5. แก้วลาย หลอด ฝาปิดแก้ม เยอะมากก
6. ผ้ากันเปื้อน
7. น้ำผึ้งผสมมะนาว+สตอเบอรี่ ชนิดถุง 10 ถุง

:::: ราคานี้รวมจัดส่งถึงที่ ได้ไป ขายได้ทันทีค่ะ ซื้อแค่น้ำแข็งพอ:::: 30,000 บาท ขายขาดไม่มีเก็บรายปี ของหมดสั่ง น้ำแค่นั้นค่ะ
ปล. ขายเพราะ เราทำงานประจำ กทม. แต่เปิดที่แพร่ ไม่มีคนดูแลให้เราึค่ะ ซื้อมา ไปขาย งาน แค่ 5 วัน เท่าั้นั้นค่ะ อุปกรณ์ ครบเหมือนใหม่เลยค่ะ 
ราคา : 30,000 บาท

แฟรนไชส์โจ๊กบางกอก



เป็นร้านโจ๊กสูตรโจ๊กบางกอก ลักษณะร้านแบ่งเป็น 2 ประเภท คือร้านในอาคารตึกแถว และร้านที่ในศูนย์อาหาร หรือสถานที่ตั้งชั่วคราว

ลักษณะกิจการร้านขายโจ๊ก
ชื่อธุรกิจ (ไทย)โจ๊กบางกอก
ชื่อธุรกิจ (Eng)Joke Bangkok
ความเป็นมา
เมื่อราว 2 ปีที่แล้ว สามพี่น้องตระกูล “ธุระกิจเสรี” ประกอบด้วย นายสมชัย พี่ชายคนโต นายมานะ คนรอง และนายสิทธิเดช น้องชายคนเล็ก ร่วมลงขันทำธุรกิจคนละ 100,000 บาท ด้วยแนวคิดให้เป็นแฟรนไชส์รูปแบบง่ายๆ

ในที่สุดลงตัวที่ร้านขายโจ๊ก เพราะพี่ชายคนโต เปิดร้านขายโจ๊ก ข้าวหน้าเป็ด และข้าวหมูกรอบอยู่แล้ว จึงมีความชำนาญในการผลิต อีกทั้งโจ๊กเป็นอาหารที่ต้นทุนต่ำ กำไรสูง และง่ายต่อการควบคุมคุณภาพแฟรนไชส์

นายมานะ ธุระกิจเสรี กล่าวว่า เพื่อสร้างแบรนด์ให้ติดตลาด เป็นที่มาของชื่อ “โจ๊กบางกอก” ซึ่งโจทย์ในการตั้งต้องเป็นคำง่ายๆ สื่อสารชัดเจน และได้ความรู้สึกว่า ทุกคนกินได้ ฟังแล้ว ไม่รู้สึกหรูหราหรือเกณฑ์ต่ำเกินไป ดังนั้นต้องมีคำว่า “โจ๊ก” อยู่ด้วย ส่วนคำว่า “บางกอก” มาจากสูตรโจ๊กที่เป็นส่วนผสมดัดแปลงโจ๊กสไตล์ฮ่องกง ให้รสชาติถูกปากคนไทย โดยไม่เหลวหรือข้นเกินไป แต่กว่าจะมาลงตัวที่ชื่อนี้ ลองตั้งมาหลายชื่อ อาทิ โจ๊ก 3 ชาย , โจ๊ก 5 ดาว เป็นต้น เมื่อวางเป้าจะขายในรูปแฟรนไชส์ จึงตั้งบริษัท เจบีเค ฟู้ดส์ จำกัด ขึ้นมาดูแลกิจการนี้ โดยสามพี่น้องแบ่งการรับผิดชอบอย่างชัดเจน นายสมชัย ดูแลการควบคุมสูตรอาหาร นายมานะ ดูแลด้านการตลาด ในขณะที่นายสิทธิเดช รับผิดชอบการขยายแฟรนไชน์

หลังจากนั้น “โจ๊กบางกอก” สาขาแรกที่โชคชัย 4 ซอย 35 จึงเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2545 เพื่อเป็นร้านต้นแบบทดลองตลาด และสร้างพื้นฐานความสำเร็จให้เป็นที่ยอมรับ

โดยมีคอนเซ็ปต์การจัดร้านเน้นบรรยากาศดูเก่า ให้ความรู้สึกว่า ร้านนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องโจ๊กจริงๆ อยากเข้ามาลองทานเมื่อเดินผ่านหรือขับรถผ่าน
ลักษณะสินค้า
และบริการ
จำหน่ายโจ๊ก 
ประเทศThailand  Thailand | Asia
กลุ่มประเทศASEAN Economic Community (AEC) 
ค่าแฟรนไชส์20,000 บาท
จำนวนสาขา46 สาขา
รายละเอียดสาขาแบ่งเป็นกรุงเทพฯ 40 สาขา และต่างจังหวัด 6 สาขา
นโยบาย
การขยายสาขา
ขายแฟรนไชส์
การลงทุนสำหรับค่าแฟรนไชส์แรกเข้า 20,000 บาท เก็บครั้งเดียว
ไม่มีค่ารายเดือน รายปี หรือค่าต่อสัญญา เงินจำนวนนี้เป็นค่า ฝึกอบรม สอนงาน

ส่วนการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เช่น ค่าป้ายไฟ เตา หม้อ จาน ชาม โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ ผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องจ่ายเอง

โดยบริษัทฯ ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานให้ รวมแล้วทั้งสิ้นต้องลงทุน 100,000 – 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดร้านและจำนวนโต๊ะ

ทั้งนี้ รายได้หลักของบริษัทฯ มาจากการขายวัตถุดิบสำเร็จรูป เพราะจากผลสำรวจลูกค้าไม่ได้ต้องการทำร้านอาหาร แต่อยากมีรายได้เสริม ดังนั้น จึงต้องมีความง่ายของการจัดการร้าน ซึ่งบริษัทฯ จะขายวัตถุดิบส่งให้ ไม่ว่าจะเป็น
  • ข้าวหอมมะลิพร้อมใช้ กิโลกรัมละ 20 บาท
  • หัวน้ำซุป ถุงละ 70 บาท
  • ปาท๋องโก๋ กิโลกรัมละ 70 บาท
  • หมูบด กิโลกรัมละ 120 บาท
ทั้งหมดได้ผ่านการปรุงรสเรียบร้อยแล้ว ต้มสุกพร้อมเสิร์ฟทันที ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวโจ๊กหรือต้มน้ำซุป ดังนั้น รสชาติจึงไม่เพี้ยนไปจากเดิม

ในส่วนผลกำไรของร้านสาขาหรือแฟรนไชซี่ที่เปิดมาแล้วนั้น นายมานะ เปิดเผยว่า เฉลี่ยตั้งแต่ 30,000 ถึง 150,000 บาทต่อเดือน โดยสาขาที่ขายดีที่สุดมีรายได้เดือนละถึง 500,000 บาท ต่ำสุดก็ยังกำไรเดือนละ 30,000 บาท ทำให้แฟรนไชซี่สามารถคืนทุนภายใน 2-4 เดือน เท่าที่ผ่านมามีเพียง 2 รายเท่านั้น ต้องปิดตัวไป แต่เป็นด้วยปัญหาผู้ลงทุนไม่สนใจดูแลกิจการของตัวเอง

สำหรับแผนงานในอนาคตตั้งเป้าจะขยายให้ได้ 100 สาขาภายในปีนี้ โดยขณะนี้มีศักยภาพการผลิตวัตถุดิบพร้อมรองรับอยู่แล้ว นอกจากนั้น จะเน้นในการรักษาคุณภาพของแฟรนไชส์ และถี่ถ้วนต่อการรับแฟรนไชส์ใหม่ เพราะเวลานี้ คู่แข่งไม่มีใครนอกเสียจากตัวเอง

เงินลงทุนและเงินหมุนเวียน 100,800 - 165,500 บาท (รวมค่า Franchise)
ระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ย 4 - 7 เดือน
คุณสมบัติ
ผู้ลงทุน

สิ่งที่ได้รับ
การช่วยเหลือและอบรม จากแฟรนไชส์ซอร์ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ การอบรมก่อนเปิดร้านโดยมีรายละเอียดดังนี้
  1. ช่วงก่อนเปิดร้าน
    1. ผู้รับอนุญาต หรือตัวแทน เข้ารับการอบรมที่ร้านต้นแบบ (สาขาโชคชัย 4 ดังนี้)
    2. ศึกษาการจัดการร้านโจ๊ก
    3. ข้อกำหนดในการจัดหรือตกแต่งร้าน
    4. ศึกษากรรมวิธีการเตรียมวัตถุดิบ อย่างละเอียด พร้อมกับลงมือปฏิบัติ
    5. การเตรียมเครื่องปรุง
    6. อบรมการปรุงโจ๊กขายหน้าเคาน์เตอร์
    7. ผู้ให้อนุญาต จัดเตรียมอุปกรณ์บังคับ และดูแลการจัดทำป้ายร้านให้แก่ผู้รับอนุญาต
  2. ช่วงเปิดร้าน
    ผู้ให้อนุญาตส่งพนักงานที่มีความชำนาญ ไปกำกับดูแลการทำงานเป็นจำนวน 5 ครั้ง ครั้งละ 4 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่วันเปิดร้าน
  3. ขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจ
    1. แสดงความจำนง (กรอกใบสมัคร)
    2. หาทำเลที่เหมาะสม (ได้รับความเห็นชอบจากแฟรนไชส์ซอร์)
    3. นัดวันทำสัญญา ชำระค่าแฟรนไชส์ และกำหนดวันเปิดด้าน
    4. เตรียมอุปกรณ์และตกแต่งร้าน
    5. เข้าฝึกอบรมวิธีการทำโจ๊ก
    6. เปิดบริการ โดยได้รับการดูแลจากแฟรนไชส์ซอร์ เพื่อให้โจ๊กมีมาตรฐานเดียวกัน
ระยะเวลาจากขั้นตอน 1 - 6 ประมาณ 1-2 เดือน
อื่นๆ
ทำเลที่เหมาะสม
ทำเลที่เหมาะสมควรเป็นทำเลในเขตชุมชน มีผู้อาศัยเป็นหมู่บ้าน อพาร์ทเมนท์ และควรมีที่จอดรถสำหรับกลุ่มลูกค้า ที่ซื้อกลับบ้าน ไปทานที่บ้าน โดยทั่วไปเวลาที่เหมาะแก่การขายโจ๊ก เริ่มตั้งแต่ 4 โมงเย็น ถึงหลังเที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสอง และอาจเลยไปถึง 9 - 10 โมงเช้า ระยะเวลาเปิดร้านขึ้นกับทำเลยที่ตั้ง และกลุ่มลูกค้า

จำนวนพนักงาน
ขึ้นอยู่กับขนาดและยอดขายของร้านเป็นหลัก โดยเทียบกับยอดขายต่อวันที่ 1,200 - 1,400 บาท/วัน ต่อพนักงาน 1 คน 

แฟรนไชส์ เดอะพิซซ่า คอมปานี


ความสำเร็จเกิดขึ้นจากประสบการณ์และความทุ่มเทมาตลอด 30 ปี ในการบริการด้านอาหารและความเอาใจใส่ต่อลูกค้า จนถึงวันนี้ เรามีลูกค้ามาใช้บริการรวมกว่า 120 ล้านครั้ง

ลักษณะกิจการร้านพิซซ่า
ชื่อธุรกิจ (ไทย)เดอะพิซซ่า คอมปานี
ชื่อธุรกิจ (Eng)The Pizza Company
ความเป็นมา
ความสำเร็จเกิดขึ้นจากประสบการณ์และความทุ่มเทมาตลอด 30 ปี ในการบริการด้านอาหารและความเอาใจใส่ต่อลูกค้า จนถึงวันนี้ เรามีลูกค้ามาใช้บริการรวมกว่า 120 ล้านครั้ง “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” ที่พร้อมให้บริการกว่า 700 สาขา ทั่วประเทศ
ในปี พ.ศ. 2544 เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ได้แนะนำ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” ที่ให้บริการพิซซ่า และพาสต้าสไตล์อิตาเลียน และด้วยรสชาติที่ถูกปาก และพิซซ่าที่หนักเครื่องทำให้ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” เป็นแบรนด์พิซซ่ายอดนิยมที่สุดในประเทศไทย
เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สามารถให้การสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ให้คำแนะนำในการเลือกทำเลที่ตั้งการออกแบบร้าน และการเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ การฝึกอบรมพนักงาน ไปจนถึงแผนการตลาดและส่งเสริมการขาย ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง

เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ความอร่อยและความหลากหลายในด้านอาหาร เพื่อตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าอย่างเต็มที่ 100%
ความมุ่งมั่นที่จะสร้างและพัฒนาร้านในตลาดใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา

นำเสนอแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารภายในร้าน การส่งอาหารตรงถึงบ้าน ซึ่งเราเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ส่งฟรี รับประกันภายใน 30 นาที
ลักษณะสินค้า
และบริการ
แฟรนไชส์รายใหญ่ของประเทศ บริหารงานโดย เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ที่มีประสบการณ์ และประสบความสำเร็จมากกว่า 30 ปี ในการบริการด้านอาหาร และความเอาใจใส่ต่อลูกค้า

เดอะ พิซซ่า คอมพานี มีแฟรนไชส์หลายแบรนด์ เช่น สเวนเซ่นต์ ซิซซ์เลอร์ แดรี่ควีน เบอร์เกอร์ คิง ที่พร้อมให้บริการกว่า 700 สาขาทั่วประเทศ
ประเทศThailand  Thailand | Asia
กลุ่มประเทศASEAN Economic Community (AEC) 
ค่าแฟรนไชส์9,000,000 บาท
จำนวนสาขา188 สาขา
รายละเอียดสาขาโดยแบ่งสัดส่วนเป็นรูปแบบแฟรนไชส์ราว 70% และบริษัทเป็นผู้ลงทุนเอง 30%
นโยบาย
การขยายสาขา
ขายแฟรนไชส์
การลงทุนการลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานอย่างจริงจัง จะได้รับผลตอบแทนกลับคืนมาหลายเท่า

รูปแบบและงบประมาณการลงทุน เดอะ พิซซ่า คอมปะนี
  • งบการลงทุนในการเปิดร้านขนาด 240 ตรม. หรือในอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง จะใช้งบลงทุนประมาณ 11 – 12 ล้านบาท
  • ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะต้องจ่ายค่าการตลาด 5% ของยอดขายทุกเดือน และอีก 5% ของยอดขายสำหรับค่ารอยัลตี้ฟี
ระยะเวลาคืนทุน-
คุณสมบัติ
ผู้ลงทุน

สิ่งที่ได้รับ
ด้วยการสนับสนุนของแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีไปทั่วประเทศ และพนักงานด้านการตลาดผู้เปี่ยมประสบการณ์ของเรา ร้านใหม่ของผู้ซื้อแฟรนไชส์ทุกรายจะได้รับความสนใจจากลูกค้าในย่านนั้นทันที
การตลาด เดอะ พิซซ่า คอมปะนี
  • รับผิดชอบงานด้านโฆษณาและการส่งเสริมการขาย รวมทั้งการผลิตสื่อโฆษณา ณ จุดขาย เช่น โปสเตอร์ ใบปลิว เมนู ฯลฯ
  • แคมเปญโฆษณาออกอากาศทั่วประเทศผ่านการใช้สื่อโทรทัศน์ วิทยุ
  • ให้คำแนะนำ และการสนับสนุนในเรื่องแผนการส่งเสริมการตลาดเฉพาะของแต่ละร้าน ในแต่ละทำเล
  • สร้างการรับรู้เรื่องเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และการทำโฆษณาเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์
การฝึกอบรม เดอะ พิซซ่า คอมปะนี
  • ผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์และผู้จัดการร้านจะต้องเข้าโปรแกรมการฝึกอบรม ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 12 สัปดาห์
  • การฝึกอบรมจะครอบคลุมทุกด้านเกี่ยวกับการดำเนินงานของร้าน เทคนิคที่เกี่ยวกับการเตรียมอาหารและการใช้เครื่องมือต่างๆ การบริหารคน การแก้ปัญหาเมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้น การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า การสร้างทีมงานและการบริหารเวลา
  • เดอะ พิซซ่า คอมปะนี จะส่งทีมงานไปยังร้านของผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะมีการเปิดร้าน เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจว่า การเปิดร้านจะเป็นไปด้วยความราบรื่น สามารถสร้างความประทับใจที่ดีให้กับลูกค้า เป็นผลดีต่อกิจการในอนาคต นอกจากนั้น ยังเป็นการฝึกอบรมและสร้างทีมงานที่มีความพร้อมให้กับพนักงานในร้านทั้งหมด
  • ทีมงานจะไปเยี่ยมร้านของผู้ซื้อแฟรนไชส์ เพื่อสื่อสารข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผลประกอบการและการพัฒนาในด้านต่างๆ อาทิเช่น การตลาดเฉพาะสาขา การฝึกอบรม การพัฒนาบุคลากร การปฏิบัติงานภายในร้าน
อื่นๆ
ทำไมต้อง เดอะ พิซซ่า คอมปะนี
  • เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สามารถให้การสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ให้คำแนะนำในการเลือกทำเลที่ตั้งการออกแบบร้าน และการเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ การฝึกอบรมพนักงาน ไปจนถึงแผนการตลาดและส่งเสริมการขาย ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
  • เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ความอร่อยและความหลากหลายในด้านอาหาร เพื่อตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าอย่างเต็มที่ 100%
  • ความมุ่งมั่นที่จะสร้างและพัฒนาร้านในตลาดใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
  • นำเสนอแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารภายในร้าน การส่งอาหารตรงถึงบ้าน ซึ่งเราเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ส่งฟรี รับประกันภายใน 30 นาที
  • เปี่ยมล้นด้วยประสบการณ์ และความรู้ความเข้าใจในธุรกิจร้านอาหาร มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
  • มีการทำวิจัยตลาดและความต้องการของผู้บริโภค โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการ

แฟรนไชส์ กาแฟ แบล็คแคนย่อน



จำหน่ายและให้บริการ กาแฟ อาหาร และเครื่องดื่มหลากหลายชนิด โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ คือ หมวดกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆ ได้แก่ กาแฟร้อน, กาแฟเย็น, น้ำผลไม้, ไอศครีม, ของหวาน

ลักษณะกิจการร้านอาหาร
ชื่อธุรกิจ (ไทย)แบล็คแคนยอน คอฟฟี่
ชื่อธุรกิจ (Eng)BlackCanyon Coffee
ความเป็นมา
บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี 2536 เพื่อประกอบกิจการด้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า "แบล็คแคนยอน"

ธุรกิจของบริษัทฯ คือการเปิดบริการร้านกาแฟ และอาหารในศูนย์การค้าชั้นนำ ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ในการขยายสาขามีทั้งที่บริษัทบริหารเองและสาขาระบบ "แฟรนไชส์"

โดยทุกร้านจะตกแต่งสไตล์คันทรี่ ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ "กาแฟ" ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายประเภท รสชาติอร่อย เป็นกาแฟที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคว่า "มีคุณภาพเยี่ยม" คัดเลือกจากกาแฟแท้ 100% จากสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงของโลก
ลักษณะสินค้า
และบริการ
  • หมวดกาแฟ จำนวนมากกว่า 30 รายการ อาทิ กาแฟเย็นแบล็คแคนยอน เม็กซิกัน แบล็คค๊อฟฟี่แชมป์ กาแฟร้อนแบล็คแคนยอน โกลดี้แบล็ค เอสเปรสโซ มอคคา บลูเมาเทน เวียนนา คาปูชิโน คาเฟ ลาเต้ มอคคาลาเต้ มอคคาปูชิโน และกาแฟรสชาติต่าง ๆ อีกมากมาย
  • หมวดเครื่องดื่มทั่วไป จำนวนมากกว่า 20 รายการ อาทิ น้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำสัปปะรด น้ำลิ้นจี่ นมสดร้อน-เย็น ช็อคโกแลตร้อน - เย็น ชามะนาว ชาร้อน - เย็น น้ำอัดลม เบียร์ เป็นต้น
  • หมวดอาหาร จำนวนมากกว่า 100 รายการ อาทิ ซุปสลัด เฟรนช์ฟราย แซนวิช สเต็ก สปาเก็ตตี้ มักกะโรนี ก๋วยเตี๋ยว ข้าวผัด ข้าวอบ ยำ ไส้กรอก ไก่ทอด ต้มยำ อาหารตามสั่งต่าง ๆ เป็นต้น 
ประเทศThailand  Thailand | Asia
กลุ่มประเทศASEAN Economic Community (AEC) 
ค่าแฟรนไชส์600,000 บาท
จำนวนสาขา220 สาขา
รายละเอียดสาขาปัจจุบันบริษัทมีสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ทั้งสิ้น 36 สาขา ใน 7 ประเทศ ได้แก่ สิงค์โปร์ มาเลเซีย พม่า กัมพูชา ยูเออี จีนและอินโดนีเซีย
นโยบาย
การขยายสาขา
ขายแฟรนไชส์
การลงทุน
  • ค่าแฟรนไชส์ (Franchise Fee) 
    ค่าแฟรนไชส์ คือ ค่าธรรมเนียมการให้สิทธิ์ใช้ชื่อ "แบล็คแคนยอน (Black Canyon)" เพื่อเปิดดำเนินธุรกิจขายอาหาร และเครื่องดื่ม

    โดยมีอายุสัญญา 10 ปี และต่ออายุได้อีกทุก ๆ 10 ปี การให้สิทธิตามสัญญานี้จะกำหนดขอบเขตเฉพาะสถานที่ ซึ่งกำหนดไว้ในสัญญาเท่านั้น
ค่าแฟรนไชส์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้ 
    1. ร้านกาแฟ (Coffee Corner/ KIOSK) จำหน่ายเฉพาะกาแฟ เครื่องดื่ม และอาหารว่าง ขนาดพื้นที่ไม่เกิน 50 ตร.ม.
      หมายเหต : การขายประเภทนี้ ผู้รับสิทธิ์จะไม่ประกอบหรือปรุงอาหารภายในร้าน และจะจำหน่ายเฉพาะอาหารว่างเท่านั้น
      **ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 600,000 บาท **ค่าประกันความเสียหายและหนี้สิน 150,000 บาท 
    2. ภัตตาคาร/ร้านอาหาร (Restaurant) จำหน่ายกาแฟ เครื่องดื่ม และอาหาร
      1. Mini Restaurant จำหน่ายกาแฟ เครื่องดื่ม อาหารว่าง อาหารจานเดียว อาหารประเภทยำ ที่ปรุงโดยไม่ใช้เตาแก๊ส ขนาดพื้นที่ไม่เกิน 100 ตร.ม.
        **ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 800,000 บาท
        **ค่าประกันความเสียหายและหนี้สิน 200,000 บาท
      2. Family Restaurant ขายกาแฟ เครื่องดื่ม อาหารทุกประเภท ขนาดพื้นที่ไม่น้อยกว่า 100 ตารางเมตร พื้นที่ เพียงพอต่อการมีห้องครัวเพื่อปรุงอาหารได้อย่างสะดวก
        **ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 1,000,000 บาท
        **ค่าประกันความเสียหายและหนี้สิน 200,000 บาท
  • ค่าโรยัลตี้ (Royalty Fee) และค่าช่วยส่งเสริมการตลาด (Marketing Promotion Fee)

    ค่าโรยัลตี้ คือ ค่าลิขสิทธิ์หรือค่าผลประโยชน์ตอบแทนภายใต้ชื่อ "แบล็คแคนยอน" เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายอาหารและ เครื่องดื่ม ในเครือข่ายระบบเดียวกัน

    ค่าช่วยส่งเสริมการตลาด คือ ค่าใช้จ่ายที่ร้านสาขาแบล็คแคนยอนชำระ เพื่อนำมาเป็นกองทุนสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และส่งเสริมการขาย เช่น การโฆษณา ฯลฯ
    1. ค่าโรยัลตี้ คำนวณ 3% ของยอดขายหักค่าวัตถุดิบที่สั่งซื้อ จากบริษัทฯ เช่น เมล็ดกาแฟ โดยจะคำนวณตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป เงินค่าโรยัลตี้ขั้นต่ำต่อปี คือ
      **Coffee Corner 100,000 บาท
      **Restaurant 200,000 บาท
    2. ค่าช่วยส่งเสริมการตลาด คำนวณ 2% ของยอดขายหักค่าวัตถุดิบ ที่สั่งซื้อจากบริษัทฯ
  • ค่าสำรวจสถานที่
    จะคิดค่าธรรมเนียม 5,000 บาท ในกรณีสำรวจพื้นที่ภายใน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต่างจังหวัดจะคิดค่าธรรมเนียม 10,000 บาท + ค่าที่พักและค่าเดินทาง หากมีการเซ็นสัญญาค่าธรรมเนียมนี้ จะถูกนำไปหักออกจากค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์

    ในกรณีที่บริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่า สถานที่ที่มีความเหมาะสม บริษัทจะเป็นผู้เช่าดำเนินการเซ็นต์สัญญาเช่าสถานที่ และ / หรือ สัญญาอื่นใด กับศูนย์การค้าหรือเจ้าของสถานที่เช่า ในนามของ บริษัทเอง

    ในส่วนของผู้รับสิทธิ์ บริษัทจะแจ้งให้ทำสัญญาเช่า สถานที่ และ / หรือสัญญาอื่นใด กับบริษัทฯ ซึ่งผู้รับสิทธิ์จะต้องเข้าทำสัญญา และชำระค่าเช่า ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเช่าทั้งหมด
  • ค่าออกแบบ 
    ผู้ได้รับสิทธิ์จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ในการออกแบบตามค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้น การออกแบบจะต้องยึดถือ นโยบายของบริษัทฯ โดยเคร่งครัด โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายในการออกแบบจะตกประมาณ 8 - 15% ของค่าก่อสร้างและตกแต่ง
  • ค่าตกแต่งสถานที่ และค่าป้ายชื่อร้าน 
    ผู้รับสิทธิ์ จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าตกแต่งร้านทั้งหมด และค่าป้ายชื่อร้านตามรูปแบบที่กำหนด ผู้รับสิทธิ์สามารถจะ ใช้บริการจาก ผู้รับเหมา ก่อสร้างที่หามาเอง หรือจากผู้รับเหมาที่บริษัทฯ แนะนำให้ก็ได้ โดยทั่วไปงบประมาณ ในการตกแต่ง สถานที่จะตกประมาณ 8 แสน - 1.5 ล้านบาท สำหรับ Coffee Corner และตกประมาณ 2 - 4 ล้านบาท สำหรับร้านอาหาร ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่

  • ค่าอุปกรณ์เครื่องครัว 
    ภาชนะบรรจุเครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ และเครื่องแต่งกาย ผู้รับสิทธิ์จะต้องจัดซื้อตามรูปแบบ และมาตรฐานที่กำหนดโดย บริษัทฯ งบประมาณเพื่อลงทุนในส่วนนี้ประมาณ 2 - 4 แสนบาท สำหรับ Coffee Corner และ 4 - 6 แสนบาท สำหรับร้านอาหาร

  • เครื่องเก็บเงิน (ระบบคอมพิวเตอร์ Point of Sales)
    ผู้รับสิทธิ์จะต้องซื้อเครื่องเก็บเงิน และซอฟท์แวร์จากบริษัทฯ เพื่อให้แคชเชียร์ใช้ในการเก็บข้อมูลออร์เดอร์จากลูกค้า คำนวณค่าอาหาร สรุปยอดขาย ฯลฯ งบประมาณลงทุน ด้านฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ประมาณ 1 - 1.2 แสนบาท

  • ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และค่าธรรมเนียมขออนุญาตทางราชการ
    ผู้รับสิทธิ์ จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมการขอจดทะเบียน สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า ต่อ กรมทรัพย์สินทาง ปัญญา จำนวน 800 บาท ตลอดจนค่าอากร และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไม่เกิน 2,500 บาท โดยบริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินการ ค่าใช้จ่ายนี้อาจมี การเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม

  • ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 
    จะต้องมีเงินทุนหมุนเวียน เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ (อัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายข้างต้น บริษัทฯ อาจเปลี่ยนแปลง โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบ
ระยะเวลาคืนทุน-
คุณสมบัติ
ผู้ลงทุน
-
สิ่งที่ได้รับ
  1. สิทธิ์ในการใช้ชื่อและรูปแบบอันเป็นเอกลัษณ์ของ "แบล็คแคนยอน" ที่มีชื่อเสียง
  2. สิทธิในการซื้อเมล็ดกาแฟแท้ "แบล็คแคนยอน" ประเภทต่างๆ จากทางบริษัทฯ
  3. ช่วยเหลือในการออกแบบร้าน ควบคุมการก่อสร้าง และตกแต่งร้าน งานระบบต่าง ๆ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบท่อ ดูดควัน ระบบแก๊ส ระบบประปา เพื่อให้ได้มาตรฐาน
  4. ช่วยเหลือในการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ ภาชนะบรรจุและเครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ ที่มีสัญลักษณ์ "แบล็คแคนยอน"
  5. ช่วยเหลือในการจัดหาตัวแทนจำหน่ายวัตถุดิบ ที่จะนำมาใช้ในการประกอบอาหารและเครื่องดื่ม
  6. ให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการ เกี่ยวกับการปรุงอาหารและกาแฟ ภายใต้สูตร "แบล็คแคนยอน"
  7. การฝึกอบรมพนักงานทั้งทฤษฎีและภาคปฏิบัติ พร้อมเอกสารประกอบการอบรม
  8. ช่วยเหลือในการประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการขาย รวมทั้งจัดพิมพ์เอกสารเผยแพร่ เกี่ยวกับสินค้าและ สาขาต่าง ๆ ที่เปิดดำเนินการ
  9. ประสานงานและขอติดตั้งเครื่อง Post Mixของน้ำอัดลมและติดตั้งตู้ไอศกรีม
  10. ช่วยเหลือในการจัดหาเครื่องเก็บเงินระบบคอมพิวเตอร์ (POS) เพื่อใช้ในการเก็บข้อมูลออร์เดอร์ลูกค้า คำนวณค่า อาหารและวิเคราะห์ยอดขาย ทั้งนี้ผู้รับสิทธิ์จะต้องซื้อซอฟท์แว์จากทางบริษัทฯ
  11. เอกสารคู่มือการบริหารร้าน และงานบุคคล คู่มือวิธีการปรุงอาหารและเครื่องดื่ม สูตรและต้นทุนอาหารและ เครื่องดื่ม
  12. ภาพลักษณ์ของ "แบล็คแคนยอน" ที่มีฐานลูกค้าอยู่ทั่วทั้งประเทศ ทำให้กิจการมีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็ว มีโอกาส ประสบความสำเร็จสูงกว่าการสร้างธุรกิจของตนเอง
  13. สิทธิ์ในการทำธุรกิจของตนเอง เป็นนายของตนเอง มีความภาคภูมิใจ และมีพันธมิตรทางธุรกิจที่จะคอยให้ความ ช่วยเหลือเมื่อต้องการ 
อื่นๆ
หมายเหต : ผู้รับสิทธิ์ที่ทำทุจริตโดยนำกาแฟชนิดอื่นที่มิใช่ของ "แบล็คแคนยอน" มาขายและให้บริการลูกค้า โดยทำให้ผู้บริโภคหลงผิด คิดว่าเป็นกาแฟ "แบล็คแคนยอน" จะถูกดำเนินคดี ทั้งทางแพ่งและทางอาญาอย่างเคร่งครัด 

แฟรนไชส์ไก่ย่างห้าดาว



เป็นไก่ย่างที่คนทั่วๆไปรู้จัก ถ้าพูดถึงไก่ย่างในประเทศไทย ทุกคนก็จะนึกถึงไก่ย่างห้าดาวเป็นอันดับแรก เพราะไก่ย่างห้าดาวเป็นที่รู้จักกันมา กว่า 20 ปี มีความสด อร่อย และมีมาตรฐานความปลอดภัย ไก่ย่างห้าดาวมีซุ้มจำหน่ายอยู่เกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย

ลักษณะกิจการร้านขายไก่ย่าง
ชื่อธุรกิจ(ไทย)ไก่ย่างห้าดาว
ชื่อธุรกิจ(Eng)Star Chicken
ปีที่ก่อตั้งพ.ศ. 2528 (ก่อตั้งมา 28 ปี)
ความเป็นมา
เริ่มดำเนินการครั้งแรก เมื่อปี 2528 โดยมีจุดขายจุดแรกที่ ถ.ลาดพร้าว บริเวณปากซอยลาดพร้าว 80 โดยในการเริ่มดำเนินการครั้งนั้น เนื่องจากเป็นการเริ่มธุรกิจใหม่ จึงเป็นการดำเนินกิจการของบริษัทเอง ซึ่งก็ได้มีการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง จนถึงปี 2530 บริษัทจึงได้มีการดำเนินการสื่อสารกับผู้บริโภคเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งมีการผลิตภาพยนต์โฆษณาเรื่องแรกออกมา ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดใจว่าภาพยนต์เรื่องนั้นยังคงมีผู้บริโภคจำได้มาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อบริษัทฯได้ดำเนินกิจการมาจนถึงปี 2543 นั้น บริษัทฯ ได้เก็บเกี่ยวองค์ความรู้ต่างๆ ในการบริหารจุดขาย ตัวอย่างเช่น การจัดการผลิตสินค้า ณ จุดขาย การบริหารสินค้าขาย การดูแลความสะอาดจุดขาย ระบบการบริหารบัญชีจุดขาย และที่สำคัญคือส่วนสนับสนุน อันได้แก่ ระบบ Logistic การบำรุงรักษาอุปกรณ์ ฯลฯ แล้วนั้น บริษัทฯจึงได้เริ่มการปรับการบริหารเป็นการดำเนินกิจการในรูปแบบแฟรนไชนส์ จากจุดเปลี่ยนนั้นเอง ทำให้ กิจการไก่ย่างห้าดาว ได้มีการขยายกิจการมาอย่างต่อเนื่อง
โดยตัวบริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนบทบาทจากการที่เข้าไปขายกับผู้บริโภคโดยตรงมาเป็นผู้ให้การสนับสนุน ด้านองค์ความรู้การจัดการให้กับลูกค้าแฟรนไชนส์ รวมทั้งการสนับสนุนการขายต่างๆอันได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสื่อสารการตลาด ระบบ Logistic เพื่อให้ลูกค้าแฟรนไชนส์ มั่นใจในการร่วมธุรกิจกับไก่ย่างห้าดาว
ในปี 2549 กิจการไก่ย่างห้าดาว ได้มีการพัฒนาธุรกิจใหม่ขึ้นมา คือ “ไก่ทอดห้าดาว” อันเป็นธุรกิจที่เกิดจากการที่บริษัทฯทำการศึกษาผู้บริโภค และได้รับความเห็นว่าเมนู “ไก่ทอด” เป็นรายการอาหารที่ผู้บริโภคอยากให้ ห้าดาวจำหน่าย ซึ่งมาจนวันนี้ กิจการไก่ทอดห้าดาวก็ได้มีการขยายตัวโดยจะมีจำหน่ายทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2551 นี้
นอกจากที่ได้กล่าวมาโดยสังเขปนี้ กิจการห้าดาว ยังได้มีการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆที่ตอบสนองต่อรูปแบบชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคชาวไทย ที่มีความต้องการผู้ให้บริการด้านอาหารที่อร่อย มีมาตรฐานการให้บริการที่น่าเชื่อถือ รวมทั้งมีความคุ้นค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไป ซึ่งจะมีการนำเสนอต่อไปในอนาคต
ลักษณะสินค้า
และบริการ
ปัจจุบันไก่ย่างห้าดาวมีด้วยกัน 4 สูตร ได้แก่ สูตรต้นตำรับ ตัวละ 89 บาท สูตรพริกไทยดำ สูตรจิ้มแจ่ว ราคาครึ่งตัว 52 บาท และสูตรเทอริยากิ เน้นน่องและสะโพก ราคาชิ้นละ 30 บาท สำหรับสูตรเทอริยากิขณะนี้อยู่ในช่วงทดลองตลาด สินค้าป้อนตลาดจริงเร็วๆนี้ จับตลาดคนรุ่นใหม่

มีแผนเพิ่มเมนูไก่ย่างเทอริยากิและเพิ่มขนาดตัวไก่เป็น 1,400-1,500 กรัม จำหน่ายตัวละ 89 บาท จากเดิมขนาด 700-800 กรัม ราคาตัวละ 79 บาท และขายไก่แบบครึ่งตัวในราคา 49 บาท

ไก่ย่างห้าดาว 2 สูตรใหม่ คือ "สูตรพริกไทยดำ" และ "สูตรจิ้มแจ่ว" ซึ่งเป็นการออกสูตรใหม่ในรอบกว่า 20 ปี จากเดิมที่มีเพียงไก่ย่างห้าดาวออริจินอลที่เป็นยอดขายหลัก นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มขนาดไก่พิเศษสำหรับ 2 สูตรดังกล่าว โดยใช้ไก่ขนาด 1,500-1,800 กรัม มีราคาตัวละ 104 บาท ขณะที่ไก่ขนาดปกติสูตรออริจินอลยังใช้ไก่ขนาด 1,200-1,500 กรัม จำหน่ายราคาตัวละ 89 บาท

ผลิตจากไก่สด CP ที่เลี้ยงในฟาร์มระบบปิด ตามมาตรฐานของ CPF หมักด้วยเครื่องเทศสด หอมกลิ่นกระเทียม พริกไทย ผ่านการย่างสุกที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส เนื้อนุ่ม รสชาติอร่อย เป็นเอกลักษณ์ของห้าดาว เหมาะกับทุกเพศ
ประเทศThailand  Thailand | Asia
กลุ่มประเทศASEAN Economic Community (AEC) 
ค่าแฟรนไชส์15,000 บาท
จำนวนสาขา3,200 สาขา
รายละเอียดสาขาในกทม.มีจุดขายประมาณ 1,300 จุด ทีเหลือกระจายตามหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่,โคราช,พิษณุโลก,อุดรธานี,ขอนแก่น,สุราษฎร์ธานี,หาดใหญ่ เป็นต้น

ปัจจุบันบริษัทได้ขยายฐานตลาดไก่ย่างห้าดาวไปยังตลาดอินโดจีนแล้ว
นโยบาย
การขยายสาขา
ขายแฟรนไชส์
การลงทุนค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของซุ้มห้าดาว 
(ประมาณ 15,000 บาท)


  1. ค่าค้ำประกันตู้และอุปกรณ์ต่างๆ 3,000 บาท ซึ่งจะได้รับคืนเมื่อเลิกกิจการ
  2. ค่าขนส่งตู้ และอุปกรณ์ต่างๆ ไปยังจุดขายตามจริง
  3. ค่าสินค้า (บริการส่งสินค้าให้ฟรี)

อุปกรณ์ที่ทางบริษัทให้ยืม
  1. ตู้ทอด ตู้เย็น อุปกรณ์การขาย
ขั้นตอนการเป็นเจ้าของซุ้มห้าดาว
  1. แจ้งทำเลที่ต้องการจะตั้งซุ้มห้าดาว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพิจารณาความเหมาะสม
  2. ผู้ที่จะขายต้องผ่านการฝึกอบรมกับทางบริษัท อย่างน้อย 4 วัน (ค่าฝึกอบรม 250 บาท/คน)
  3. หลังจากผ่านการฝึกอบรมแล้ว จึงทำสัญญา* และเริ่มเปิดซุ้มขาย
เอกสารที่ใช้ในการทำสัญญา: สำเนาทำเบียนบ้าน 3 ใบและสำเนาบัตรประชาชน 3 ใบ
ระยะเวลาคืนทุน-
คุณสมบัติ
ผู้ลงทุน
คุณสมบัติเจ้าของซุ้มห้าดาว
  1. อายุไม่เกิน 40 ปี
  2. สัญชาติไทย
  3. มีใจรักงานขายและการบริการ
  4. มีทำเลที่ตั้งซุ้มห้าดาวที่เหมาะสม ผ่านการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ของบริษัท

    สิ่งที่ได้รับ
    ระเบียบข้อปฏิบัติ
    1. ผู้ขายต้องสวมเสื้อฟอร์ม เอี๊ยมกันเปื้อน และหมวกของบริษัท
    2. ต้องดูแลความสะอาดซุ้มและเครื่องมือเครื่องใช้เป็นอย่างดี เพราะบริษัทให้ยืมโดยไม่คิดค่าเช่าใดๆ
    3. ต้องไม่นำสินค้าที่ไม่ใช่ของบริษัทมาขายที่ซุ้มหรือนำมาเก็บรวมกับเครื่องเครื่องใช้ของบริษัท
    4. ต้องไม่นำสินค้าเก่า ค้างวัน กลับมาขาย
    5. ต้องให้การสนับสนุนสินค้าใหม่ของทางบริษัท
    6. ชำระสินค้ากับทางบริษัทเป็นเงินสดทันทีเมื่อได้รับสินค้า
    7. ขายสินค้าตามราคาที่บริษัทกำหนด 
    อื่นๆ
    บริษัท ซีพีเอฟผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย "ไก่ย่างห้าดาว" แนะนำไก่ย่างห้าดาว 2 สูตรใหม่ รสชาติจัดจ้านถึงใจ กับ สูตรพริกไทยดำ ที่พิถีพิถันคัดสรรเครื่องเทศและสมุนไพรไทยหลากชนิด ผสมผสานคลุกเคล้าจนถึงเนื้อใน ให้ความหวานของสมุนไพรไทยและสูตรจิ้มแจ่ว มีดีที่น้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด เปรี้ยวหวานกลมกล่อมกำลังดี สูตรพิเศษเฉพาะไก่ย่างห้าดาวเท่านั้น

    ทั้งสองสูตรใช้ไก่ใหญ่คัดพิเศษขนาด 1,500-1,800 กรัม ย่างในเตาย่างมาตรฐานที่อุณหภูมิสูงกว่า 200 องศาเซลเซียส ให้คุณมั่นใจได้ว่า ไก่ย่างห้าดาว อร่อย คุ้มค่า และปลอดภัยอย่างแท้จริง พิสูจน์ความอร่อยได้ในแบบครึ่งตัว และเต็มตัว ที่จุดขายไก่ย่างห้าดาวทั่วประเทศ

    Q1 สนใจทำธุรกิจกับห้าดาวต้องทำอย่างไร
    A1 การเข้าร่วมทำธุรกิจกับห้าดาวนั้นไม่มีอะไรยุ่งยากครับ แค่มีใจที่ต้องการทำธุรกิจส่วนตัว มีพื้นที่จุดขายที่มีลูกค้าผ่านดีๆสัก 3*3เมตร เงินทุนตั้งต้น 15000บาท ก็สามารถเริ่มธุรกิจกับเราได้แล้วครับ โดยขั้นตอนในการติดต่อมีดังนี้ครับ
    โทร 02-800-8000 เพื่อแจ้งทำเลจุดขายที่คุณมีอยู่กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจเทียบเบอร์ผู้จัดการเขตและแจ้งให้คุณโทรหา (ต้องรบกวนในการโทรนี้ เนื่องจาก จุดขายของห้าดาวนั้นมีการกระจายตัวอยู่ และเป็นการป้องกันไม่ไห้เกิดการเปิดจุดซ้ำซ้อน เพราะว่าผู้จัดการเขตนั้น ทุกๆท่านจะรู้จักพื้นที่ของตนเองได้ดีกว่าพนักงานที่ส่วนกลาง)
    ผู้จัดการรเขตจะนัดหมาย วันเวลาที่จะเข้าตรวจพื้นที่ (หากการพูดคุยทางโทรศัพท์เบื้อต้นนั้นจุดขายไม่มีการซ้อนทับกัน)

    หากตรวจพื้นที่ผ่านแล้ว จึงจะเริ่มมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นโดยมีค่าใช้จ่ายดังนี้
    1. ค่าแรกเข้าแฟรนไชส์ 3,000 บาท
    2. ค่าค้ำประกันเครื่องมือ 3,000 บาท
    3. ค่าฝึกอบรม 250 บาท
    4. ค่าขนส่งอุปกรณ์ คิดตามที่เกิดจริง
    5. ค่าสินค้า คิดตามที่เกิดจริง
    เมื่อมีการชำระค่าแรกเข้ามายังบริษัทฯนั้น ที่ลูกค้าจะได้คือ หมายเลขประจำตัวเพื่อใช้ติดต่อกับบริษัทฯ และการนัดหมายเข้าทำการฝึก ซึ่งการฝึกจะทำในลักษณะสอนโดยการปฎิบัติ เนื่องจากธุรกิจห้าดาวนั้นเป็นการให้บริการปรุงอาหารจึงมีรายละเอียดปลีกย่อยที่จะต้องปฏิบัติที่ค่อนข้าละเอียดเพื่อให้สินค้ามีมาตรฐานเดียวกัน โดยจุดฝึกนั้นจะเป็นจุดขายจริงที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทฯให้สามารถใกอบรมกับผู้ประกอบการรายใหม่ได้ โดยจะเลือกจุดที่สะดวกกับผู้เข้าฝึกมากที่สุด โดยค่าฝึกอบรม 250บาทนั้นให้ผู้เข้าฝึกชำระแก่ครูฝึกโดยตรง

    การฝึกอบรม จะเริ่มด้วยภาคทฤษฎี จากนั้นจะเป็นภาคปฎิบัติ อันจะเริ่มจากการปฎิบัติตัวภายในจุดขายตั้งแต่เริ่มเปิดขายจนถึงการเก็บร้าน และการบริหารสินค้าและการจัดเก็บ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 7วัน โดยในวันที่ 7นั้นครูฝึกจะทำการทดสอบผู้เข้ารับการอบรมว่ามีทักษะความรู้เพียงพอที่จะดูแลจุขายตนเองหรือไม่ หากไม่ผ่านก็จะต้องฝึกอบรมเพิ่มจนกว่าจะผ่านการทดสอบ

    เมื่อผ่านการทดสอบแล้วลงดำเนินการขายจริงที่จุดขายของตนเองแล้วภายใน 7วัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายฝึกอบรมจะเข้าทำการเยี่ยมจุดขายเพื่อทดสอบความรู้ความเข้าใจในการจัดการของผู้ประกอบการ หากผ่านการทดสอบก็ดำเนินการขายต่อไป แต่หากมีข้อบกพร่องก็จะให้พักการจำหน่ายเพื่อกลับไปฝึกอบรมใหม่อีกครั้งจนกว่าจะผ่านการทดสอบ

    Q2 สนใจทำธุรกิจกับห้าดาวต้องทำอย่างไร
    A2 ในการร่วมธุรกิจกับห้าดาวนั้น เป็นเสมือนการร่วมลงทุนระหว่างบริษัทฯกับลูกค้า คือลูกค้ามีเงินทุน พื้นที่ และคน ขณะที่บริษัทฯจะให้การสนับสนุนในด้านความรู้ในการจัดการ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆโดยการให้ยืม ซึ่งบริษัทฯเรียกเก็บค่าค้ำประกันเครื่องมือเพียง 3000 บาทเท่านั้นเองซึ่งจะได้รับคืนหากส่งคืนเครื่องมีอและอุปกรณ์ในสภาพปกติไม่มีการชำรุดเสียหาย
    Q3 การสนับสนุนจากบริษัทฯ มีอะไรบ้าง
    A3 การสนับสนุนจากบริษัทฯ นั้นแบ่งได้เป็นสองส่วน คือ
    ในส่วนที่เป็นความรู้ในการจัดการซุ้ม โดยบริษัทฯมีระบบที่เรียกว่า QSCM ซึ่งจะเป็นองค์ความรู้หลักในการที่จะดูแลจัดการภายในซุ้ม รวมไปถึงการให้การบริการแก่ลูกค้าด้วย โดยรวมไปถึงการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการผลิตด้วย

    ส่วนที่สอง คือส่วนของการตลาด บริษัทจะได้ดูแล การทำวิจัยผู้บริโภค การผลิตสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์กับผู้บริโภคในการดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้บริการ การจัดการส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขายเป็นระยะๆ ซึ่งงบประมาณในส่วนของการส่งเสริมการขายนี้บริษัทฯจะรับผิดชอบ แต่ในส่วนของการโฆษณานั้นบริษัทฯ ขอให้เถ้าแก่เล็กได้ร่วมมีส่วนในการสนับสนุนงบโฆษณา โดยคิดเป็น%จากยอดสั่งซื้อจากบริษัทฯ 1.5% ของยอดการสั่งซื้อในใบเสร็จ

    แฟรนไชส์ไก่ทอด kfc



    จำหน่ายไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ และเครื่องดื่มต่างๆ ทั้งในร้าน และบริการส่งถึงบ้าน

    ลักษณะกิจการร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด
    ชื่อธุรกิจ (ไทย)เคเอฟซี
    ชื่อธุรกิจ (Eng)KFC (Kentucky Fried Chicken)
    ความเป็นมา
    ผู้ริเริ่มเคเอฟซีเป็นครั้งแรกคือ นายฮาแลน แซนเดอร์ส เมื่อประมาณกว่า 40 ปีมาแล้ว เขามีสูตรผสมไก่พิเศษ จากสมุนไพร 11 ชนิด ซึ่งทำให้ไก่ของเราได้รับความนิยมมาก และมีการขยายสาขาเพิ่มเริ่มขายแฟรนไชส์เมื่อ ปี 2507 จากนั้นได้ขายกิจการต่อ ให้นายจอห์น วาย บราวน์ และนายแจ็ค แมสซี่ ซึ่งทั้งสองคนได้ขายกิจการ ต่อให้กับบริษัทค้าเหล้า และไวน์ชื่อ Heublein

    จากนั้นอีก 15 ปี เคเอฟซี จึงตกทอดมาถึงมือบริษัท เป็ปซี่โค ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์อยู่หลายแบรนด์

    การบริหารในไทย มีแฟรนไชส์ซี่ อยู่ถึง 3 บริษัท ที่เป็นผู้ดูแล คือ เซ็นทรัล ฟาสท์ฟู้ด ซื้อสิทธิ์เมื่อปี 2527 นอกจากนั้น ซีพี ได้ร่วมทุนกับบริษัทแม่ จัดตั้งบริษัท ซีพี เคเอฟซี ดีเวลลอปเมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อปี 2532 และบริษัท ยัม เรสเตอร์รองท์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่เอง ก็ได้บริหารงานด้วยตนเอง
    ลักษณะสินค้า
    และบริการ
    จำหน่ายไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ และเครื่องดื่มต่างๆ ทั้งในร้าน และให้บริการส่งถึงบ้านทางหมายเลขโทรศัพท์ 1150

    เคเอฟซี ขอยืนยันว่าไก่ที่ใช้ในระบบทั้งหมดทั่วประเทศไทย เป็นไก่จากฟาร์ม ซึ่งได้ปฏิบัติตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี (Animal Welfare) ปราศจากการทรมานสัตว์ ตามข้อกำหนดของสหภาพ ยุโรป (EU) และตามมาตรฐานของ Animal Welfare เป็นรายแรกของประเทศนอกกลุ่มยุโรป รวมทั้งผ่านการรับรองคุณภาพ “ถูกสุขอนามัย ปลอดภัย ปลอดสาร ปลอดทรมานสัตว์ รักษาสิ่งแวดล้อม” ตามมาตรฐานสากล

    เคเอฟซีไม่ได้มีฟาร์มเลี้ยงไก่เป็นของตนเองและไม่ได้เป็นเจ้าของหรือผู้บริหารโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ใด ๆ ทั้งสิ้น ในทางกลับกันเนื้อไก่ทั้งหมดที่ใช้ในร้าน เคเอฟซี ทุกสาขาทั่วประเทศไทยนั้น เป็นผลผลิตจากฟาร์ม ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี (Animal Welfare) เรียกได้ว่าเป็น “ไก่ปลอดสาร ปลอดการทรมานสัตว์” ทุกวันนี้ ผู้ผลิตจะจัดส่ง “เนื้อไก่สด” ตรงมาที่ร้านเคเอฟซีทุกวัน จากนั้นเราจึงจะนำไปปรุงอาหารด้วยสูตรลับเฉพาะของ เคเอฟซี จึงทำให้ได้อาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ให้โปรตีนสูง และมีรสชาติสด อร่อย
    ประเทศThailand  Thailand | Asia
    กลุ่มประเทศASEAN Economic Community (AEC) 
    ค่าแฟรนไชส์ไม่ระบุ
    จำนวนสาขา306 สาขา
    รายละเอียดสาขารวมทั้งสิ้น 306 สาขา ใน 56 จังหวัดทั่วประเทศ
    นโยบาย
    การขยายสาขา
    ไม่ขายแฟรนไชส์
    การลงทุน-
    ระยะเวลาคืนทุน-
    คุณสมบัติ
    ผู้ลงทุน
    -
    สิ่งที่ได้รับ
    -
    อื่นๆ
    บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ยัม! ประเทศไทย” เป็นเจ้าของ ผู้บริหารและ ผู้ให้สิทธิแฟรนไชส์ร้านอาหารบริการด่วน เคเอฟซี และ พิซซ่าฮัท ในประเทศไทย โดยแต่เดิมใช้ชื่อบริษัทว่า ไทรคอน อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการร้านอาหารเคเอฟซีในประเทศไทยมากว่า 20 ปี

    บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด มีทีมบริหารและพนักงานชาวไทยกว่า 10,000 คน เพื่อให้บริการในร้านอาหารเคเอฟซี

    ด้วยปณิธานและการดำเนินงานพัฒนาทรัพยากรบุคคลมาอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2548 บริษัทฯ ได้รับการยกย่องให้เป็น “นายจ้างยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นหนึ่งในนายจ้างยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2548” จากผลการศึกษาวิจัยของบริษัทฮิววิตต์ แอสโสซิเอทส์ ร่วมกับ สถาบันศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ โดยได้มีการสำรวจองค์กรต่างๆ รวมทั้งสิ้น 244 แห่ง และมีพนักงานประมาณ 70,000 คน จากประเทศจีน มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ และไทย เข้าร่วมตอบแบบสอบถาม

    นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2544 บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็น นายจ้างดีเด่นแห่งเอเชีย ซึ่งเป็น 1 ใน 20 องค์กรที่ได้รับคัดเลือกเป็นนายจ้างดีเด่นแห่งเอเชีย และยังเป็น บริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในประเทศไทย จากผลการศึกษาของ “ฮิววิตต์ แอสโสซิเอทส์” ร่วมกับ “ดาวโจนส์” ซึ่งเป็นองค์กรผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ FarEastern Economic Review และ The Asian Wall Street Journal